Page 59 - silkvalue
P. 59

58

            (3) เชือกคันกระตุก
               ก่อนอื่นให้วัดความยาวของรางกระสวยทั้งหมด ซึ่งวิธีที่รวดเร็วก็ให้น า

        เชือกที่ผูกโยงมามัดวัดกับรางกระสวย และตัดให้ยาวกว่ารางกระสวยประมาณ 10

        เซนติเมตร แล้วขมวดมัดเป็นห่วงไว้ จากนั้นน าเอาปลายเชือกทั้งสองไปผูกกับห่วง
        ของหูกระสวยไว้ข้างละอัน เชือกผูกห่วงหูกระสวยใช้ยาวประมาณ 25 เซนติเมตร

        เมื่อผูกเป็นห่วงแล้วจะเหลือความยาวจากหูกระสวยประมาณ 12 เซนติเมตร

        ต่อจากนั้นเชือกที่ผูกโยงหูกระสวยก็จะต้องน าไปผูกโยงกับเชือกคันกระตุก เชือก
        คันกระตุกจะต้องผูกไว้ 2 ข้างเช่นเดียวกัน ส่วนข้างที่จะดึงมาผูกกับหูกระสวย

        จะต้องให้อยู่กึ่งกลางกับกี่พอด แล้วดึงหูกระสวยด้านซ้ายมือให้สุดรางกระสวย และ
                                 ี
        ผูกเชือกคันกระตุกเข้าห่วงเชือก ผูกโยงหูกระสวยให้อยู่ในลักษณะเกือบเป็น
        เส้นตรงโดยอย่าให้ตึงมาก และตรวจดูความยาวทั้งสองข้างอีกครั้ง


        5.6 ความรู้เกี่ยวกับการทอผ้า


               การทอผ้า หมายถึง การท าให้เส้นด้ายสองพวกขัดกันในต าแหน่งที่ตั้งฉาก

        กัน เส้นด้ายพวกหนึ่งซึ่งขึงเป็นแกนตามความยาวของผ้า เรียกว่า “เส้นด้ายยืน”
        และอีกพวกหนึ่งเป็นเส้นด้ายที่ใช้สานกับเส้นด้ายยืนตามความกว้างของผ้า เรียกว่า

        “เส้นด้ายพุ่ง” ลักษณะของการขัดกันของเส้นด้ายพุ่งและเส้นด้ายยืน จะขัดกัน

        แบบธรรมดาอย่างที่เรียกว่าลายขัด หรือจะก าหนดให้เป็นลายอื่นๆ ก็ได้
               ผ้าทอลายพื้นฐาน (Basic weave) หมายถึง ผ้าที่เกิดจากการสอดขัดของ

        เส้นด้ายยืนและเส้นด้ายพุ่ง ซึ่งจะมีความแตกต่างของผ้าขึ้นอยู่กับจ านวนหรือการ

        เกิดเส้นด้ายลอยหรือการทอขึ้น และเส้นด้ายด้านล่างหรือการทอลง การเกิด
        ลวดลายมีพื้นฐานการทอของเส้นด้ายสอดขัดกันแบ่งได้เป็น 3 ชนิด คือ การทอลาย

        ขัด ลายสอง และลายต่วน
   54   55   56   57   58   59   60   61   62   63   64