Page 6 - paintingindigo
P. 6
ตะกร้า กระแทกลงในโอ่งหลายๆ ครั้ง หรือใช้ปั๊มฉีดใส่ลงไปที่ก้นถัง ทั้งนี้เพื่อท�าให้ปูนขาว
กับน�้าที่ได้จากการหมักใบคราม ผสมเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน โดยจะมีฟองเกิดขึ้นและกลิ่นเน่า
ของใบครามจะเปลี่ยนเป็นกลิ่นดี หลังจากนั้นปล่อยให้เนื้อคราม ตกตะกอน 2-3 วัน ซึ่งจะ
สังเกตเห็นน�้าที่อยู่เหนือตะกอนเริ่มใส ด�าเนินการรินน�้าใสๆ ที่อยู่เหนือตะกอนทิ้งไป และ
น�าเนื้อครามที่ข้นเหนียวเหมือนโคลน ไปเก็บไว้ และใช้งานย้อมสีต่อไป [1-6]
บอน เป็นชื่อที่มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Colocasiaesculenta (Linn.) Schott
อยู่ในวงศ์ Araceaeเช่นเดียวกับเผือกซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกันมาก เป็นพืชล้มลุก มีล�าต้น
ใต้ดิน ก้านใบยาวชูสูงขึ้นจากพื้นดิน ใบขนาดใหญ่คล้ายรูปหัวใจ ก้านใบมีโครงสร้างโปร่ง
เบาคล้ายก้านใบผักตบเพียงหักก้านใบจะมียางไหลออกมา ดอกตัวผู้และดอกตัวเมียอยู่บน
ช่อดอกเดียวกัน ไม่มีกลับดอกแต่มีกลีบเลี้ยงหุ้มช่อดอกเอาไว้ บอนเป็นพืชที่มีถิ่นก�าเนิดอยู่
ในเขตที่ราบลุ่มของเอเซียอาคเนย์ ซึ่งรวมถึงพื้นที่ของประเทศไทยด้วย
หัวบอน แป้งบอน
ภาพที่ 2 ต้นบอน หัวบอน และแป้งบอน
บอนเป็นผักพื้นบ้านที่มีต้องการความช�านาญในการปรุงอย่างถูกต้องจึงจะกินได้
โดยไม่มีผลข้างเคียงเนื่องจากบอนมีสมบัติเด่น คือ ความคัน เนื่องจากมีสารแคลเซียม อ๊อก
ซาเลท (Calcium oxalate) ซึ่งเป็นผลึกรูปเข็มท�าให้เกิดความระคายเคืองต่อเยื่ออ่อน เช่น
เยื่อบุช่องปากและในล�าคอ บอนเป็นพืชที่มีลักษณะการขึ้นอยู่ในพื้นที่คล้ายกับผักตบ คือใน
ที่ขึ้นหรือบริเวณน�้าตื้นที่มีโคลนเลนแต่เนื่องจากบอนมีก้านใบยาวกว่ากว่าผักตบจึงขึ้นได้ใน
บริเวณน�้าลึกกว่าผักบอนยังช่วยรักษาชายฝั่ง แม่น�้าล�าคลองมิให้ถูกกัดเซาะจากคลื่นอีก
ด้วย ใบของบอนมีคุณสมบัติคือ ไม่เปียกน�้าจึงน�ามาใช้ประโยชน์ด้านห่อของได้ เช่น ใช้ห่อ
ข้าวหมากหรือใช้ตักน�้าดื่มยามไม่มีภาชนะ เป็นต้น