Page 91 - บทความแนวปฏิบัติที่ดี KM มทร.+2 ครั้งที่ 10
P. 91
85
ด ามักอาศัยตามหุบเขาทางตอนเหนือของแม่น้ าด า ที่เมืองลา ในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ต่อมาจึงอพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทย” (๒๕๒๘ : 72 -73)
ชาวไทยทรงด า (ลาวโซ่ง) ได้ถูกกวาดต้อนและอพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์
ดังที่ สมทรง บุรุษพัฒน์ ได้กล่าวถึงเรื่องราวของ ไทยด า หรือ ไทยทรงด า (ลาวโซ่ง) ว่า “ชาวไทยด าถูกกองทัพ
สยามกวาดต้อนเพื่อมาเป็นแรงงานในการเพาะปลูกข้าวเลี้ยงกองทัพสยาม เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวนั้นเป็นยุค
“เป็นผักใส่ซ้า(ตะกร้า)จับข้าใส่นา” หมายความว่า เป็นช่วงเวลาที่มีการกวาดต้อนผู้คนมาเป็นแรงงานในไร่นา เพื่อ
การเพาะปลูกข้าว ซึ่งสยามหรือประเทศไทยในช่วงเวลาดังกล่าว มีการท าศึกกับประเทศต่าง ๆ รอบเขตชายแดน
ไม่ว่าจะเป็น พม่า เวียดนาม ลาว เขมร จึงท าให้กองทัพสยามหรือไทยต้องส่งก าลังแรงงานในการผลิตเสบียงส่ง
มายังพระนคร นอกจากนี้ โดยลักษณะนิสัยของไทยทรงด ายังมีความขยัน ซื่อสัตย์และอดทน จึงเป็นที่ชื่นชอบของ
สยามหรือประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๓) จึงพระราชทานที่ดินให้ตั้งถิ่นฐาน
บริเวณ จังหวัดเพชรบุรี มีหน้าที่ท านาข้าว เพื่อส่งส่วยมายังพระนคร ( ๒๕๕๕ : ๖๗)
หลังจากช่วงยุคเวลากวาดต้อนผู้คนมาเป็นแรงงานนี้ไปแล้ว จวบจนมีพระราชบัญญัติเลิกทาสในสมัย
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) ชาวไทยทรงด า (ลาวโซ่ง) ได้รับการปลดปล่อยให้เป็นไทย
(อิสรภาพ) และได้ออกเดินทางกลับบ้านเกิดเมืองนอนของตนที่เมืองแถนในแคว้นสิบสองจุไทย แต่การเดินทางกลับ
ไม่ส าเร็จ สมดังที่ตั้งเจตนารมณ์ไว้ เนื่องจากผู้น ากลุ่มที่ชราภาพและล้มตายลงระหว่างการเดินทาง บรรดา
ลูกหลานจึงไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ จึงได้ตั้งหลักปักฐานลงในดินแดนต่าง ๆ ตามรายทางที่เดินทางผ่าน ได้แก่
จังหวัดเพชรบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี นครปฐม โดยเฉพาะที่อ าเภอบางเลน ซึ่งมีสภาพเป็นป่าในที่ราบสูง มีแม่น้ าและ
ล าคลอง คล้ายบ้านเกิดของชาวไทยทรงด า(ลาวโซ่ง) ในแคว้นสิบสองจุไทยในสาธารณรัฐเวียดนามเหนือ ปัจจุบัน
สถานที่นี้จึงเป็นแหล่งชุมชนใหญ่แห่งหนึ่งของชาวไทยทรงด า (ลาวโซ่ง)
กลุ่มชนชาติพันธุ์ไทยทรงด า (ลาวโซ่ง) ลาวครั่ง ลาวเวียง ฯลฯ ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยล้วนเป็น
ลูกหลานเชลยศึกที่กองทัพไทย (สยามในสมัยนั้น) กวาดต้อนมา ซึ่งผ่านกาลเวลามากว่า ๒๐๐ ปีเศษ แต่ประเพณี
และความเชื่อถือในเรื่อง เทพเจ้า (พญาแถน) ของคนไทยทรงด า (ลาวโซ่ง) ยังคงมีอยู่ แต่จะมากหรือน้อยก็ขึ้นกับ
ปัจจัยต่าง ๆ เพราะเมื่อวันเวลาเปลี่ยนไป ย่อมเป็นเหตุที่ท าให้สภาพสังคม ศิลปวัฒนธรรม เปลี่ยนแปลงตามไป
ด้วย ปัจจุบันคนกลุ่มนี้ มีวิถีการด ารงชีวิตและรักษาวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น และมีความเชื่อถือ
ในพิธีกรรมบูชา “ผี” เหมือนกันทุกที่ แต่อาจแตกต่างกันในด้านเนื้อหาสาระ และขั้นตอนการประกอบพิธีกรรม
ผู้วิจัยเป็นข้าราชการพลเรือนคนหนึ่งในสังกัดมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ซึ่งมี
ศูนย์กลางอยู่ที่จังหวัดนครปฐม ซึ่งมีกลุ่มชนชาติพันธุ์ไท-ลาว หลายกลุ่มอยู่ร่วมกันอย่างผาสุก แต่อย่างไรก็ตาม
วิถีชีวิตและการสืบทอดวัฒนธรรมประเพณี ย่อมมีการพัฒนาการและเปลี่ยนแปลงจากอดีตสู่ปัจจุบัน ดังที่ วิไล
วรรณ ขนิษฐานันท์ ได้กล่าวว่า “ การเปลี่ยนแปลงของภาษาและวัฒนธรรม ความว่า “ สาเหตุของการสูญหาย
ทางภาษาและวัฒนธรรมจะเกิดขึ้นได้ด้วยสาเหตุ ๕ ประการ ได้แก่ ๑. การเป็นชนกลุ่มน้อย ๒. การโยกย้ายที่
ท าหากิน ๓. การแต่งงานข้ามเผ่าพันธุ์กับคนที่ไม่ใช้ภาษานั้น ๔. ไม่มีภาษาเขียนที่จะบันทึกเรื่องราวของชาชน
ชาติตนเอง ๕. ไม่ได้ใช้ภาษาและวัฒนธรรมในชีวิตประจ าวันตามปกติ” (๒๕๑๙ : ๒-๓) ในทรรศนะของผู้วิจัยมี
ความเห็นสอดคล้องกับแนวคิดข้างต้นว่า วัฒนธรรมมีโอกาสที่จะเกิดการสูญหายหรือเปลี่ยนแปลงได้ด้วยสาเหตุ
ทั้ง ๕ ประการ เพราะเมื่อเป็นวัฒนธรรมความเชื่อของชนกลุ่มน้อยในสังคม ประชาชนมีการโยกย้ายถิ่นที่อยู่กันไป
มา ไม่ได้อยู่ติดที่ รวมทั้งมีการแต่งงานกับคนที่ข้ามวัฒนธรรม จนไม่มีโอกาสจะประกอบพิธีกรรมตามที่ประพฤติ