Page 556 - บทความแนวปฏิบัติที่ดี KM มทร.+2 ครั้งที่ 10
P. 556
550
ภาพที่ 5 แสดงการด าเนินโครงการแบบมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ
ปัญหาและอุปสรรค
ระยะทางพื้นที่ด าเนินงานไกลจากมหาวิทยาลัย ท าให้มีข้อจ ากัดต่อการประสานงานแบบพบหน้ากัน
จึงตกลงกับผู้น าชุมชนว่าจะใช้การประสานงานทางโทรศัพท์เป็นหลัก
สรุป
ความส าเร็จของโครงการ
โครงการฯสามารถเห็นผลการด าเนินโครงการอย่างเป็นรูปธรรมในทันที กล่าวคือ มีการทดลองน า
นักท่องเที่ยวน าร่องเพื่อให้ชุมชนได้น าองค์ความรู้จากการอบรมและศึกษาดูงานมาประยุกต์ใช้ โดยหลังจาก
เสร็จสิ้นโครงการแล้วชุมชนบ้านนาจอกมีโปรแกรมการท่องเที่ยวชุมชนแบบไม่พักค้างคืนและแบบ 3 วัน 2 คืน
และมีการจัดตั้งกลุ่มอาชีพทางการท่องเที่ยว ได้แก่ กลุ่มอาชีพโฮมสเตย์ กลุ่มอาชีพอาหาร กลุ่มอาชีพ
ผลิตภัณฑ์ชาอัสสัมซึ่งได้ด าเนินการจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนในเวลาต่อมา ซึ่งกลุ่มอาชีพทั้งหมดด าเนินงาน
ภายใต้การบริหารงานของคณะกรรมการหมู่บ้านแสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน ยิ่งไปกว่านั้น
นอกจากแหล่งท่องเที่ยวหลักในชุมชนได้แก่ พิพิธภัณฑ์และบ้านพักประธานาธิบดีโฮจิมินท์แล้ว ยังมีชาวบ้านใน
ชุมชนที่ยินยอมให้พื้นที่บ้านตนเองเป็นแหล่งเรียนรู้ในชุมชนจ านวน 4 แห่ง ได้แก่ การเลี้ยงไก่ด า การสานกุ๊บ
(งอบ) การเลี้ยงโคขุน และการปลูกผักปลอดสารพิษ และในเดือนสิงหาคม ปี 2559 กลุ่มอาชีพโฮมเสตย์ได้ผ่าน
การประเมินมาตรฐานโฮมสเตย์ไทย ประสิทธิผลดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งของชุมชนที่เพิ่มขึ้น
ข้อเสนอแนะเพื่อเป็นแนวทาง
1. การลงพื้นที่เพื่อส ารวจสภาพปัจจุบันและปัญหาการจัดการ และความต้องการพัฒนาของชาวบ้าน
เพื่อน ามาสร้างรูปแบบการอบรมให้สอดคล้องกัน
2. ความร่วมมือเชิงบูรณาการทั้งภายในมหาวิทยาลัยและหน่วยงานภายนอกมหาวิทยาลัยในการ
ด าเนินโครงการ
3. ความสม่ าเสมอในการติดต่อประสานงานกับผู้น าชุมชนเพื่อแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของ
คณะกรรมการด าเนินงาน