Page 59 - บทความแนวปฏิบัติที่ดี KM มทร.+2 ครั้งที่ 10
P. 59
53
ท้องถิ่น ที่ต าบลแพรกหนามแดง อ าเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อให้นักวิจัยเรียนรู้กระบวนการวิจัยเพื่อ
พัฒนาคนในชุมชนให้เป็นนักวิจัยท้องถิ่น ระหว่างการท างานวิจัยแบบมีส่วนร่วมในชุมชน
- การเผยแพร่ผลงานวิจัยและนิทรรศการในพื้นที่ โดยร่วมกับส านักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด และ
องค์การบริหารส่วนต าบล จัดงานวันมันเทศ ทับน้ า และงานเห็ดตับเต่างามที่สามเรือน เพื่อเป็นเวทีส าหรับการ
แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างนักวิจัยกับชุมชน และภาคีเครือข่ายในพื้นที่ นอกจากนี้ยังได้น าผลงานวิจัยเข้าร่วมจัด
แสดงในงานเกษตรอยุธยาแฟร์ และงานมหกรรมวิจัยแห่งชาติ เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัยสู่สาธารณะ
- ในทุกขั้นตอนของการท างาน เมื่อเสร็จสิ้นการท างานได้มีการทบทวนสรุปบทเรียน (After action
review หรือ AAR) เพื่อทบทวนกระบวนการท างานแต่ละขั้นตอน ท าการสรุปบทเรียน และตรวจสอบระดับของ
การบรรลุวัตถุประสงค์ที่ก าหนดไว้ด้วย
ผลและอภิปรายผลการด าเนินงาน
ผลกระทบที่เป็นประโยชน์หรือสร้างคุณค่า
ผลจากการพัฒนาระบบ กลไก การจัดการเพื่อให้เกิดการบูรณาการงานวิจัยและงานบริการวิชาการ เป็น
งานวิชาการเพื่อสังคม ผ่านการเรียนรู้โดยการปฏิบัติ พบว่า การจัดการงานวิจัยโดยก าหนดพื้นที่เป้าหมายเพื่อการ
พัฒนาพื้นที่ ในต าบลทับน้ า อ าเภอบางปะหัน ต าบลสามเรือน อ าเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และน า
นักวิจัยต่างสาขาวิชาการลงพื้นที่ศึกษาบริบทชุมชนแบบมีส่วนร่วม ท าให้ทราบปัญหาและความต้องการพัฒนาของ
ชุมชน โดยพบว่าทั้งสองต าบลที่มีบริบททางสังคมที่แตกต่างกัน โดยต าบลทับน้ า อ าเภอบางปะหัน ประชากรส่วน
ใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ครัวเรือนร้อยละ 95 มีรายได้หลักจากภาคการเกษตร ยังประสบปัญหา
เช่นเดียวกับผู้ประกอบอาชีพเกษตรทั่วไป คือ ต้นทุนการผลิตสูง มีความเสี่ยงจากสภาพแวดล้อมและภูมิอากาศที่
แปรปรวน และราคาผลผลิตไม่แน่นอน ขณะที่ต าบลสามเรือน อ าเภอบางปะอิน มีหมู่บ้านจัดสรรและหอพัก
จ านวนมากในพื้นที่ พื้นที่ของต าบลอยู่ใกล้นิคมอุตสาหกรรม ประชากรส่วนใหญ่จึงประกอบอาชีพนอกภาค
การเกษตร และประชากรส่วนหนึ่งย้ายมาจากต่างถิ่น แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ยังเป็นพื้นที่เกษตรกรรม สังคมมีลักษณะ
ซ้อนทับระหว่างสังคมเมืองและชนบท ปัญหาหลักที่พบในพื้นที่ คือมลภาวะทางน้ าในคลองโพธ์ ซึ่งเป็นแหล่งน้ าที่
หล่อเลี้ยงภาคการเกษตร นอกจากปัญหาของพื้นที่ ขณะเดียวกันการศึกษาบริบทชุมชนยังท าให้ทราบว่าในชุมชน
มีทรัพยากรธรรมชาติ มีภูมิปัญญา วัฒนธรรมและเครือข่ายทางสังคม ซึ่งเป็นทุนของชุมชน ท าให้นักวิจัยได้เรียนรู้
แลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกับคนในชุมชน แสวงหาแนวทางการแก้ไขปัญหา หรือแนวทางการพัฒนาพื้นที่
ร่วมกัน สามารถก าหนดเป็นโจทย์และพัฒนาเป็นหัวข้อวิจัย การพัฒนาข้อเสนอโครงการวิจัยจึงอยูบนพื้นฐานของ
บริบท และเงื่อนไขของชุมชน และมีคนในชุมชนที่พร้อมเข้าร่วมในกระบวนการวิจัย เกิดข้อเสนอโครงการที่
สอดคล้องตามแผนและทิศทางการพัฒนาของชุมชน ร้อยเรียงเป็นแผนงานวิจัยเพื่อพัฒนาเชิงพื้นที่ โดยมีเป้าหมาย
ร่วมกัน คือ การสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจจากฐานทรัพยากรในชุมชน ให้คนในชุมชนสามารสร้างรายได้เพิ่ม
จากทรัพยากรในชุมชน ด้วยความรู้และนวัตกรรมที่ใช้ต่อยอดภูมิปัญญา ซึ่งถ้าเศรษฐกิจชุมชน ซึ่งเป็นเศรษฐกิจ
ฐานรากของประเทศพัฒนาได้ดีแล้ว จะลดความเหลื่อมล้ าทางสังคมซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ
นักวิจัยท างานวิจัยด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมและผูกพันกับคนในชุมชน จึงเปรียบเหมือนสัญญาใจที่ไม่
ทอดทิ้งกัน ผลจากการด าเนินงาน ได้พัฒนานักวิจัยรุ่นใหม่ที่สามารถท างานวิชาการด้วยกระบวนการมีส่วนร่วม
และสร้างความรู้ นวัตกรรม ที่สามารถใช้แก้ปัญหาตามความต้องการพัฒนาเชิงพื้นที่ การด าเนินงานในระยะ 2 ปี