Page 57 - บทความแนวปฏิบัติที่ดี KM มทร.+2 ครั้งที่ 10
P. 57

51


               จ าเป็นต้องมีการจัดการความสัมพันธ์กับองค์กร หรือบุคคลอื่นๆ ภายนอกมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
               ภายใต้บริบท สถานการณ์ และเงื่อนไขที่ไม่แน่นอน การจัดการจึงควรมีรูปแบบและขั้นตอนการปฏิบัติที่ไม่ตายตัว

               มีการทบทวนเพื่อท าความเข้าใจในตัวระบบที่เชื่อมโยงสัมพันธ์กับบริบทรอบๆ ตัว ขณะเดียวกันต้องสามารถ
               จ าแนกระหว่างระบบและบริบทออกจากกันได้ด้วย การพัฒนาระบบ กลไก การจัดการงานวิจัยจึงต้องใช้ความรู้
               และประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อพัฒนาต่อเนื่องยืดหยุ่นเปลี่ยนแปลงได้ตามบริบท
               และเงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงจากภายนอก

                       ด้วยปัญหาดังกล่าวมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ จึงได้เสนอโครงการวิจัย การพัฒนาระบบ

               การจัดการงานวิจัยเพื่อพัฒนาพื้นที่จังหวัดนนทบุรี สุพรรณบุรี และพระนครศรีอยุธยา และได้รับทุนสนับสนุนจาก
               จากเครือข่ายองค์กรบริหารงานวิจัยแห่งชาติ  (คอบช.) ภายใต้แผนงานวิจัยมุ่งเป้าตอบสนองความต้องการพัฒนา
               ประเทศ  กลุ่มเรื่องนวัตกรรมเพื่อสังคมและชุมชน ซึ่งมีส านักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย  (สกว.) เป็นผู้บริหาร

               ทุน และเป็นพี่เลี้ยงในการด าเนินงาน

               วิธีการด าเนินงาน


                       ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวจึงได้น ากรอบแนวคิดและประสบการณ์การวิจัยเพื่อพัฒนาเชิงพื้นที่ (Area
               Based Collaborative Research) ซึ่งเป็นการวิจัยที่ใช้พื้นที่เป็นตัวตั้งในการท างาน และนักวิจัยท างานร่วมกันกับ
               ผู้มีส่วนได้ ส่วนเสียตัวจริง เพื่อให้ได้ข้อมูลจากการวิจัย ที่สามารถใช้จัดการเรื่องส าคัญของพื้นที่ให้น าไปสู่การ
               พัฒนาและส่งผลต่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น (ส านักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย, 2559) น ามาเป็นตัวแบบการพัฒนา
               ระบบการวิจัยของมหาวิทยาลัย ด าเนินการร่วมกับการจัดการวงจรคุณภาพ (PDCA  cycle) และหลักพันธกิจ

               สัมพันธ์มหาวิทยาลัยกับสังคม (วิจิตร, 2557) และใช้การจัดการความรู้เป็นเครื่องมือในการท างาน (มหาวิทยาลัย
               เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา, 2559)

                       การเรียนรู้โดยการปฏิบัติ (Action  Learning)  การพัฒนาระบบ กลไก และการจัดการงานวิจัยของ
               มหาวิทยาลัย ด าเนินงานโดยตั้งหน่วยวิจัยนวัตกรรมเพื่อสังคมและชุมชน เพื่อทดลองหารูปแบบการท างาน โดยมี

               วัตถุประสงค์เพื่อบูรณาการงานวิชาการตามหลักพันธกิจสัมพันธ์มหาวิทยาลัยเพื่อสังคม และก าหนดเป้าหมายเพื่อ
               การเปลี่ยนแปลงให้ได้ผลผลิต (output)  ใหม่จากกระบวนการ คือ ผลงานวิจัยที่ได้สามารถใช้ประโยชน์เพื่อการ
               พัฒนาพื้นที่ ซึ่งมีองค์ประกอบที่ต้องพัฒนาในกระบวนการควบคู่ไปทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านระบบ กลไก และการ
               จัดการงานวิจัยตั้งแต่การสกัดโจทย์วิจัยจากพื้นที่ การพัฒนาข้อเสนอการวิจัยที่สามารถใช้แก้ปัญหาเพื่อพัฒนาเชิง

               พื้นที่  การสร้างบรรยากาศวิชาการเพื่อส่งเสริมกระบวนการวิจัยแบบมีส่วนร่วม และช่วยเหลือนักวิจัยระหว่างทาง
               การเผยแพร่ผลงานวิจัยสู่ผู้ใช้ประโยชน์และการสื่อสารสาธารณะ 2)  ด้านการพัฒนานักวิจัย ให้สามารถด าเนิน
               งานวิจัยแบบมีส่วนร่วม มีทักษะการท างานเป็นทีม สามารถท างานร่วมกับชุมชนและภาคีเครือข่าย และทัศนคติ
               การท างานที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ของงาน  3)  ด้านคุณภาพของผลงานวิจัย เพื่อให้ผลงานวิจัยสามารถเผยแพร่ใน

               วารสารวิชาการ และสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง การด าเนินงานใช้เครื่องมือการจัดการความรู้หลายเครื่องมือ
               ผสมผสานกัน  ได้แก่

                       หน่วยวิจัยนวัตกรรมเพื่อสังคมและชุมชน บริหารจัดการในรูปแบบคณะท างานที่เป็นทีมข้ามสายงาน
               (Cross-Functional Team) ประกอบด้วยผู้แทนจากคณะต่างๆ โดยมีรองอธิการบดีด้านการวิจัยเป็นประธาน มี
               หน้าที่ วางแผนบริหารจัดการเพื่อพัฒนานักวิจัยและงานวิจัยเชิงพื้นที่ โดยประสานงานกับภาคีเครือข่ายองค์กร
   52   53   54   55   56   57   58   59   60   61   62