Page 568 - บทความแนวปฏิบัติที่ดี KM มทร.+2 ครั้งที่ 10
P. 568
562
บทน า
การจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรต่าง ๆ นั้น ได้จัดให้วิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาพื้นฐานที่ส าคัญวิชา
หนึ่งของวิชาชีพทุกสาขา ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ (TQF) เนื่องจากคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่พัฒนาความรู้ด้าน
ความคิด การค านวณ ความคิดอย่างเป็นระบบ การมีเหตุผล แต่เนื้อหาวิชาคณิตศาสตร์ในระดับอุดมศึกษา
เป็นนามธรรม เข้าใจยาก และซับซ้อน ต้องอธิบายซ้ า ๆ หรือต้องท าซ้ า ๆ หลายครั้งถึงจะเข้าใจลึกซึ้ง
นอกจากนี้คณิตศาสตร์เป็นวิชาที่เกี่ยวกับกระบวนการความคิด การเรียนคณิตศาสตร์จะมุ่งให้ผู้เรียน “คิด
เป็น ท าเป็น แก้ปัญหาเป็น”
การสอนคณิตศาสตร์ในระดับอุดมศึกษาผู้สอนวิชาคณิตศาสตร์ ยังคงเน้นการให้ความรู้ทางทฤษฎีแต่
เพียงอย่างเดียว ใช้การบรรยาย เน้นความรู้ตามเนื้อหาในหนังสือมากกว่าการให้ผู้เรียนฝึกคิดด้วยตนเองและน า
ความเข้าใจมาฝึกปฏิบัติจนให้เกิดความช านาญ การเรียนรู้เนื้อหาวิชาคณิตศาสตร์แต่เพียงอย่างเดียวนั้นก็ไม่ได้
ท าให้การเรียนคณิตศาสตร์ประสบผลส าเร็จ เพราะการเรียนคณิตศาสตร์มีทั้งด้านทฤษฎีเนื้อหาและด้านการ
คิดวิเคราะห์การหาค าตอบของกระบวนการ แต่ก็พบว่าผู้เรียนส่วนใหญ่มีผลการเรียนต่ า เป็นเพราะผู้เรียนท า
แบบฝึกหัดน้อยหรือก็ไม่ท าแบบฝึกหัดเองใช้วิธีลอกงานมาส่ง บ้างก็ใช้วิธีอ่านหนังสือเหมือนวิชาท่องจ ามาท า
การสอบ ท าให้ขาดทักษะการคิดวิเคราะห์และการค านวณ สิ่งเหล่านี้นับว่าเป็นปัญหาต่อการเรียนวิชา
คณิตศาสตร์
ดังนั้นผู้สอนคณิตศาสตร์จะต้องแสวงหาวิธีการสอนใหม่ๆ มาใช้ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้มี
นโยบายการจัดการเรียนรู้ ในด้านการจัดการเรียนการสอนจากที่ประชุมคณะกรรมการ KM ที่ประกอบไปด้วย
ตัวแทนของทุกวิชาชีพ ที่ประชุมได้เห็นว่าสาขาวิชาควรมีการพัฒนาด้านการเรียนการสอนไปสู่ วิสัยทัศน์ของ
มหาวิทยาลัยที่เน้นการผลิตบัณฑิตนักปฎิบัติ โดยเลือกใช้เครื่องมือการเรียนรู้โดยการปฏิบัติ (Action
Learning) คือการเรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติจริง เพื่อให้เข้าใจถึงสาเหตุและน าไปสู่การแก้ปัญหา ที่สามารถ
พัฒนาวิธีการท างานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นได้ (ที่มา:เครื่องมือการจัดการความรู้ (KM TOOLS) โครงการ
ประชุมสัมมนาเครือข่ายการจัดการความรู้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล สถาบันการพลศึกษาและสถาบัน
บัณฑิตพัฒนศิลป์ ครั้งที่ 9 ระหว่างวันที่ 2 – 5 กุมภาพันธ์ 2559)
และจากการประชุมผู้สอนวิชาคณิตศาสตร์ซึ่งมีบทบาทที่ส าคัญอย่างยิ่งที่จะท าให้การเรียนการสอน
คณิตศาสตร์จะประสบผลส าเร็จ โดยการน ากระบวนการเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติ มาประยุกต์กับทฤษฎีการสอน
คณิตศาสตร์ 3 ทฤษฎี คือ 1) ทฤษฎีแห่งการฝึกฝน ( Drill Theory ) ทฤษฎีนี้เชื่อว่าผู้เรียนจะเรียนรู้
คณิตศาสตร์ได้โดยการฝึกท าสิ่งนั้นซ้ าๆหลาย ๆ ครั้ง 2) ทฤษฎีแห่งการเรียนรู้โดยบังเอิญ ( Incidental
learning Theory ) ทฤษฎีนี้เชื่อว่าผู้จะเรียนรู้คณิตศาสตร์ได้ดี เมื่อผู้เรียนเกิดความพร้อมหรืออยากรู้อยาก
เห็นในสิ่งนั้น ๆ 3) ทฤษฎีแห่งความหมาย ( Meaning Theory) ทฤษฎีนี้เชื่อว่าผู้เรียนจะรู้และเข้าใจในสิ่งที่
เรียนได้ดีเมื่อผู้เรียน ได้เรียนสิ่งที่มีความหมายต่อตัวผู้เรียนเอง โดยให้รู้ความหมายในโครงสร้างและเชื่อมโยง
ความคิดไปยังโครงสร้างทางคณิตศาสตร์ ซึ่งการเรียนการสอนคณิตศาสตร์จ าเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้ทั้ง 3 ทฤษฎี
ผสมกัน โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอนว่า ในแต่ละเนื้อหาวิชา ลักษณะของผู้เรียน สภาพแวดล้อม
ขณะนั้น ตลอดจนตัวผู้สอนเองควรจะยึดหลักทฤษฎีไหนบ้าง มากหรือน้อยแค่ไหน (อุษณีย์ โพธิสุข 2546)
มาใช้แก้ปัญหาการสอนคณิตศาสตร์ที่มีผลการเรียนต่ าและท าให้ผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียน
คณิตศาสตร์