Page 614 - บทความแนวปฏิบัติที่ดี KM มทร.+2 ครั้งที่ 10
P. 614
608
ภารกิจของแต่ละหน่วยงานต่างมีเป้าหมายคือการพัฒนาชุมชนให้เกิดความยั่งยืน แต่เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพ
การท างานจึงต้องมีการปรับความเข้าใจเพื่อขอแนวร่วมในการท างาน
5. จัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการให้ความรู้ทางวิชาการที่จ าเป็นต่อการท าโครงการในระยะเริ่มต้น
เช่น ความรู้พื้นฐานทั่วไป เพื่อเป็นการสร้างพื้นฐานความเข้าใจร่วมกันกับคนในชุมชน
6. ด าเนินกิจกรรมตามวัตถุประสงค์โครงการ โดยกระตุ้นให้คนในชุมชนเกิดความกระตือรือร้นในการ
ท ากิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ติดตามผลอย่างต่อเนื่อง และสรุปผลการด าเนินกิจกรรมเป็นระยะ ซึ่งขั้นตอนนี้
จ าเป็นต้องเฟ้นหาผู้น าตัวจริง หรือผู้น าการเปลี่ยนแปลงภายในชุมชน เพื่อพัฒนากลุ่มคนที่มีความพร้อมในการ
เปลี่ยนแปลงและพัฒนาตนเอง และชุมชน
7. แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับกลุ่มคนที่เป็นผู้น าตัวจริง ให้ความรู้ทางวิชาการเฉพาะด้าน เพิ่มเติมองค์
ความรู้ทางวิชาการอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาบุคคลากร/ฝึกทักษะความช านาญ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
8. สร้างเครือข่ายความร่วมมือ โดยการปรึกษาหารือ ชี้แจงจุดประสงค์และวิธีการด าเนินโครงการกับ
หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และเอกชนท าการสนับสนุนชุมชน หาจุดร่วม และเสนอให้เข้าร่วมโครงการ/
กิจกรรม ตามบทบาทของแต่ละภาคส่วน
9. จัดตั้งกลุ่ม ซึ่งอาจเป็นกลุ่มอาชีพ หรือกลุ่มกิจกรรมเฉพาะด้านในชุมชนและเสนอให้เครือข่ายความ
ร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ เข้ามาเป็นเครือข่ายในการสนับสนุนกลุ่มตามบทบาทหน้าที่ของแต่ละภาคส่วน
10. สนับสนุนเทคโนโลยี หรือนวัตกรรมที่เหมาะสมต่อการด าเนินกิจกรรม หรือ โครงการ เพื่อเป็นการ
พัฒนาศักยภาพ ยกระดับขีดความสามารถให้แก่กลุ่มที่จัดตั้งขึ้นภายในชุมชน
11. ทดลองใช้ และวัดผลหลังจากการสนับสนุนเทคโนโลยี นวัตกรรมต่อกลุ่มชุมชน โดยเปรียบเทียบ
การเปลี่ยนแปลงก่อน-หลังการสนับสนุน เพื่อให้เห็นตัวอย่างชัดเจน และสรุปผลการเปลี่ยนแปลงร่วมกับชุมชน
12. ถอดองค์ความรู้ บทเรียนภายหลังจากการด าเนินโครงการ โดยใช้ข้อค าถามบนพื้นฐาน ใครได้
อะไร “ชุมชนได้อะไร มหาวิทยาลัยได้อะไร แหล่งทุนได้อะไร” เป็นต้น
13. ถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ชุมชนและสังคม ในส่วนของกระบวนการถ่ายทอดองค์ความรู้น าเอา
เทคโนโลยีสารสนเทศมาเป็นจุดกลางในการถ่ายถอดองค์ความรู้ร่วมกันระหว่าง 2 พื้นที่ในที่นี้หมายถึงพื้นที่
ชุมชน และพื้นที่สังคมนอกชุมชน เพื่อเป็นพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แก่กลุ่มคนต่างพื้นที่ให้เกิดการ
แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ตลอดจนเป็นการโยงใยความสัมพันธ์ทางสังคมให้เกิดความแนบชิดสนิทกันมากขึ้น ผล
ตามมาของการพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้นี้ และเกิดหลักสูตรวิชาชีพ หลักสูตรอาชีพที่เหมาะสมต่อกลุ่มวัยของ
ชุมชนตามา
เช่น โครงการส่งเสริมรูปแบบกิจกรรมการท่องเที่ยวโดยชุมชนบนพื้นที่สูงของชุมชนบ้านม่อนเงาะ ได้
ก าหนดแนวทางการท างานโดยการเริ่มเก็บข้อมูลบริบทชุมชน และจัดกิจกรรมแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร
เพื่อสนับสนุนกิจกรรมการท่องเที่ยวในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของชุมชนบนพื้นที่สูง คือ การแปรรูปกาแฟ ซึ่งเป็น
ผลผลิตทางการเกษตรที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงม่อนเงาะ ได้ส่งเสริมให้ชาวม้งปลูกทดแทนการปลูกฝิ่น
ตั้งแต่ปี 2529 คนในชุมชนได้ปลูกกาแฟเป็นพืชเศรษฐกิจเพื่อส่งผลผลิตให้แก่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวง คนใน
ชุมชนที่เป็นสมาชิกกลุ่มท่องเที่ยวชุมชนได้เลือกกาแฟเป็นอาหารในการน าเสนอจุดเด่นของอาหารวัฒนธรรม
ของชุมชน จากเดิมเกษตรกรปลูกกาแฟส่งกาแฟกะลาขายในกิโลกรัมละ 120 บาท เมื่อเข้าร่วมกิจกรรมใน
โครงการ เกษตรกรมีความรู้ความเข้าในในการแปรรูปกาแฟคั่ว ด้วยวัสดุอุปกรณ์ที่หาได้ภายในท้องถิ่น/ชีวิต
ประวันจ าสามารถเพิ่มมูลค่าสูงถึงกิโลกรัมละ 400 บาท รวมทั้งการเพิ่มมูลค่าของกาแฟกิโลกรัมละ 400 บาท
แปรรูปเป็นกาแฟสดจัดจ าหน่ายให้นักท่องเที่ยวได้มูลค่าสูงถึง 4,000 – 5,000 บาทต่อกาแฟ 1 กิโลกรัม
กิจกรรมนี้ก่อให้เกิดการกระจายรายได้แก่เกษตรกรรายอื่นที่ได้สนับสนุนกิจกรรมการดื่มกาแฟสดในชุมชนโดย