Page 611 - บทความแนวปฏิบัติที่ดี KM มทร.+2 ครั้งที่ 10
P. 611
605
สาธารณะ การท างานในระยะที่สองมุ่งเน้นการสร้างคนหรือการสร้างผู้น าการเปลี่ยนแปลง (Change Agent)
โดยท าให้ผู้ร่วมกิจกรรมเกิดการเรียนรู้และเจริญเติบโตที่เกิดการระเบิดจากภายในชุมชนออกมา เกิดการ
พัฒนาและเกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับจิตใจที่ดีขึ้น สามารถเป็นบุคคลตัวอย่างที่สามารถขยายผลให้บุคคลทั้ง
ในชุมชนของตนเองและชุมชนโดยรอบให้เกิดการพัฒนาตามแบบฉบับต่อไป ปัจจุบันภายใต้การสนับสนุน
กิจกรรมวิชาการเพื่อสนับสนุนการด าเนินงานมูลนิธิโครงการหลวง คณะผู้วิจัยได้จัดท าโครงการส่งเสริมรูปแบบ
กิจกรรมการท่องเที่ยวโดยชุมชนบนพื้นที่สูงของชุมชนบ้านม่อนเงาะ ต าบลเมืองก๋าย จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี
วัตถุประสงค์เพื่อสร้างอาชีพเสริม นอกเหนือจากรายได้หลัก และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ โครงการ
ดังกล่าวนี้เน้นการท างานด้วยการขับเคลื่อนและการสร้างกลไกการท างานภายใต้ความต้องการที่มาจากชุมชน
ร่วมกันคิด ร่วมกันออกแบบวิธีการท างานส่งผลให้เกิดโครงการและแนวทางในการท างานที่เป็นข้อตกลง
สัมพันธ์ร่วมกันกับชุมชน ซึ่งทางคณะผู้วิจัยใช้เป็นโครงการต้นแบบในการท าโครงการวิจัยภายใต้ข้อตกลง
สัมพันธ์ร่วมกับชุมชน และสังคม (Social Engagement) เพื่อท าการศึกษาต้นแบบในการท าวิจัยที่เหมาะสม
ต่อชุมชนบนพื้นที่สูง ให้เกิดการพัฒนาชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน
วิธีการด าเนินงาน ใช้การสัมภาษณ์แบบเจาะลึก (In-dept. Interview) ข้อมูลเชิงคุณภาพใช้วิธีการ
วิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ตามแนวคิด Social Engagement โดยกรอบแนวคิดของ Social
Engagement ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา มุ่งเน้นการพัฒนาอาชีพทางเลือกเพื่อพัฒนาความ
เป็นอยู่ของคนในชุมชน 3 วัย ได้แก่ 1) ช่วงวัยเตรียมความพร้อมในการท างาน และการเพิ่มทักษะอาชีพให้กับ
เยาวชนในวัยเตรียมความพร้อมในการศึกษาต่อ 2) วัยคนท างาน 3) วัยหลังจากการท างาน หรือวัยอาวุโส ให้มี
ทักษะหรืออาชีพทางเลือกเพื่อเพิ่มเติมรายได้ให้กับชุมชน โดยการด าเนินงานเน้นพันธะสัญญาเกี่ยวกับการ
พัฒนาอาชีพอย่างต่อเนื่อง มุ่งเน้นขยายแผนภาพอาชีพ (Occupation Map) ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ระหว่างกลุ่มบุคลากรทางการศึกษาได้ใช้พื้นที่ชุมชนเป็นห้องปฏิบัติการในพื้นที่จริง (Social Lab) เรียนรู้จาก
สถานการณ์จริง (Experiential Learning) เกิดกลไกเชื่อมโยงระบบการศึกษาการวิจัยที่ผูกพันปัญหาสังคม
เกิดการเรียนรู้โดยใช้วิจัยเป็นฐาน (Research-Based Learning) สามารถแก้ไขปัญหาสังคมได้อย่างตรงจุด ซึ่ง
ทางมหาวิทยาลัยจะมุ่งเน้นการพัฒนาอาชีพที่เหมาะสมกับบริบทของบุคลในช่วงวัยต่างๆ เพื่อให้บุคคลเหล่านี้
ได้แสดงศักยภาพในการประกอบอาชีพเพื่อสร้างรายได้ให้กับตนเองและชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป คณะผู้วิจัยได้
น าแนวคิดนี้เป็นกรอบในการก าหนดกิจกรรมที่ส่งเสริมกลุ่มคน 3 วัย และน าผลการวิเคราะห์มาใช้ในการปรับ
แนวคิดตามรูปแบบการท างาน ดังภาพต่อไปนี้