Page 613 - บทความแนวปฏิบัติที่ดี KM มทร.+2 ครั้งที่ 10
P. 613
607
ผลและอภิปรายผลการด าเนินงาน
การศึกษาต้นแบบในการท าวิจัยที่เหมาะสมต่อชุมชนบนพื้นที่สูง เพื่อการพัฒนาชุมชนและสังคมอย่าง
ยั่งยืน โดยโครงการหรือกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยฯกับองค์กรในชุมชนได้ร่วมคิดและร่วมท ากิจกรรม ภายใต้
กลไกการท างานของศูนย์ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาและมหาวิทยาลัย
เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีเพื่อมูลนิธิโครงการหลวงและกิจกรรมวิชาการ เกิดจากการใช้ความรู้การเรียนรู้
ร่วมกันกับชุมชนในพื้นที่ ท าให้เกิดประโยชน์ร่วมกันและเกิดผลกระทบที่ดีต่อสังคมที่ประเมินได้ แนวทางการ
ท างานมุ่งเน้นการเรียนรู้จากสถานการณ์จริง (Experiential Learning) ค้นหาผู้น ากลุ่มคนที่มีความพร้อม และ
ผู้ที่มีความสนใจที่จะลุกขึ้นมาแก้ไขปัญหาชุมชนท้องถิ่นด้วยตนเอง เพื่อหาจุดร่วมในการขับเคลื่อนการท างาน
โดยคนในพื้นที่ และความร่วมมือของชุมชน สามารถสรุปโดยสังเขปได้ดังนี้
ภาพที่ 3 สรุปภาพรวม Module และผลการท างานภายใต้แนวคิด Social Engagement
การท างานที่มุ่งเน้นกลไกลกระบวนการและวิธีการในการท างานที่มาจากการมีข้อตกลงสัมพันธ์เพื่อ
สังคม (Social Engagement) ร่วมกันกับชุมชนเป็นจุดเริ่มต้นในการท างาน สามารถสรุปขั้นตอน วิธีการดังนี้
1. ลงพื้นที่ เก็บข้อมูลการลงพื้นที่เก็บข้อมูลบริบทชุมชน (Village Profile) เพื่อการสร้างพื้น
ฐานความรู้ความเข้าใจภูมิสังคม ทุนทางสังคม และทุนทางวัฒนธรรมของชุมชน
2. บันทึกการสรุปและวิเคราะห์ข้อมูลชุมชน จุดอ่อน จุดแข็ง อุปสรรค โอกาส (SWOT) เพื่อสะท้อน
ให้ชุมชนเห็นตัวตนของตนเอง พร้อมกับการเฟ้นหาผู้น า (ตัวจริง) และชักชวนมาเป็นตัวอย่าง และแนวร่วมใน
การท างานสนับสนุนความต้องการของคนในชุมชน
3. จัดเวทีคืนข้อมูลสู่ชุมชน ร่วมวิเคราะห์ SWOT ร่วมกัน จากนั้นเกิดโครงการท างานร่วมกับชุมชน
และแนวร่วมที่จะท างาน / เกิดผู้น า (ตัวจริง) ที่ต้องการพัฒนา / แก้ไขปัญหาของชุมชน
4. เมื่อเกิดโครงการสู่ชุมชน ได้จัดเวทีหารือร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องภาคเอกชน เพื่อ
แลกเปลี่ยนแนวทางการท างาน และหาแนวร่วมในการท างานก าหนดเป้าหมายร่วมกัน แต่วิธีการท างานต่างกัน
เหตุในการจัดเวทีหารือร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เป็นอีกวิธีการที่มีความจ าเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากมีบทบาท
