Page 670 - บทความแนวปฏิบัติที่ดี KM มทร.+2 ครั้งที่ 10
P. 670

664


                        3. การจัดความรู้ให้เป็นระบบ เป็นการวางโครงสร้างความรู้ เพื่อเตรียมพร้อมส าหรับการเก็บความรู้
               อย่างเป็นระบบในอนาคต

                        4. การประมวลและกลั่นกรองความรู้ เช่น ปรับปรุงรูปแบบเอกสารให้เป็นมาตรฐาน ใช้ภาษาเดียวกัน
               ปรับปรุงเนื้อหาให้สมบูรณ์
                         5.  การเข้าถึงความรู้ เป็นการท าให้ผู้ใช้ความรู้เข้าถึงความรู้ที่ต้องการได้ง่ายและสะดวก เช่น ระบบ
               เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) Web board บอร์ดประชาสัมพันธ์ เป็นต้น

                        6. การแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้การท าโหวด ท าได้โดยกรณีเป็น Explicit Knowledge อาจจัดท า
               เป็นเอกสาร ฐานความรู้ เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือกรณีเป็น Tacit  Knowledge  จัดท าเป็นระบบ ทีม
               กิจกรรมกลุ่มคุณภาพและนวัตกรรม แห่งการเรียนรู้ จัดเวทีแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องการท าโหวด
                        7.  การเรียนรู้ ท าให้การเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งของงาน การเรียนรู้ร่วมกันของคณะกรรมการ ผ่านการ

               ปฏิบัติคือการท าโหวด เกิดระบบการเรียนรู้จากการสร้างองค์ความรู้ การน าความรู้ในไปใช้ ในการซ่อมบ ารุง
               โหวด การเทียบเสียงและการท าโหวด และหมุนเวียนต่อไปอย่างต่อเนื่อง
                       มีการเข้าไปปรับปรุง พัฒนา แนวทางด าเนินกิจกรรมโดยใช้เครื่องมือการจัดการความรู้ รวมทั้ง
               ขอบเขตของการด าเนินงานอย่างชัดเจน


               สรุปผลและอภิปรายผลการด าเนินงาน
                         การด าเนินการจัดเก็บองค์ความรู้เรื่อง การท าโหวด  สามารถอภิปรายผลที่เกิดจากการด าเนิน

               กิจกรรมดังกล่าวที่เกิดผลกระทบที่เป็นประโยชน์ โดยจ าแนกเป็นด้านต่างๆ ดังนี้
                       ๑. ด้านผู้เรียน
                              ผลจากการด าเนินการจัดเก็บความรู้เรื่องการท าโหวด  มีการสาธิตการท าโหวดของ
               ผู้เชี่ยวชาญการท าโหวดโดยมีนักศึกษามีส่วนร่วมในทุกกระบวนการท าโหวด ตั้งแต่กระบวนการเริ่มต้นคัดเลือก
               ไม้ไผ่เฮี้ยมาใช้ท าลูกโหวดจนสิ้นสุดกระบวนการท าโหวดที่สามารถน ามาเป่าเป็นเพลงได้ ท าให้นักศึกษาที่ร่วม

               โครงการจัดเก็บองค์ความรู้ด้านการท าโหวดครั้งนี้มีความรู้ความเข้าใจและสามารถท าโหวดได้ เพียงแต่คุณภาพ
               เสียงโหวด ต้องใช้เวลาในการฝึกฝนจนเกิดความช านาญต่อไป โดยกระบวนการท าโหวดสามารถสรุป
               กระบวนการได้ดังนี้

                                 ขั้นที่ 1 การเลือกไม้มาท าลูกโหวด ไม้ที่น ามาท าลูกโหวด ปัจจุบันมาจากพ่อค้าขายไม้กู่แคน
               ที่ตัดมาจากภูเขาควายที่อยู่ระหว่างแขวงค าม่วนและแขวงสะหวันเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
               เนื่องจากเป็นไม้ที่คุณภาพดี มีปล้องยาว เนื้อไม้บาง เหมาะแก่การท าเครื่องดนตรีโหวดและแคน ไม้อีกแหล่งมา
               จากผาน้ าย้อย อ าเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด  โดยเลือกไม้ที่มีอายุมากหรือแก่และสุก สังเกตได้จากมีล าต้น

               ที่ยาวมีความยาวของปล้องมาก มีสีเขียวปนน้ าตาล ต้นที่มีขนาดบางที่สุด สังเกตได้จากรูไม้มีขอบบางและมีสี
               แดงเนื่องจากเนื้อไม้บางท าให้แสงผ่านเข้าไปในท่อมาก มีโพรงไม้ที่เกลี้ยงเกลา ปราศจากความขรุขระ ไม่มีการ
               ขึ้นราและมีความเรียบมากที่สุด มีล าไม้ที่ตรงไม่โค้งงอ  เลือกตัดหลายๆ ขนาด ควรเลือกลูกแรกมีขนาด
               ประมาณ 1 – 1.5 เซนติเมตร โดยเลือกให้มีขนาดลดหลั่นกันไปเรื่อยๆ ตามระดับเสียงของลูกโหวด

               น ามาตากแดดให้แห้งสนิทจนเนื้อไม้จากสีเขียวจนกลายเป็นสีน้ าตาลแก่
                                    ขั้นที่ 2  การตัดไม้กู่แคนเพื่อท าลูกโหวด ใช้เครื่องมือตัดคือ มีดตอก เลื่อยฉลุ และเลื่อยตัด
               เหล็ก ขึ้นอยู่กับความช านาญของช่าง การตัดลูกโหวดมีวิธีดังนี้
                              1) เลือกไม้ตามต้องการที่ใช้ท าลูกโหวด จ านวน 12 ลูกโดยคัดเลือกไม้ท าลูกแรกของโหวด
   665   666   667   668   669   670   671   672   673   674   675