Page 672 - บทความแนวปฏิบัติที่ดี KM มทร.+2 ครั้งที่ 10
P. 672

666


                                        1)  ใช้เครื่องเจียระไนไฟฟ้าชนิดเจียระไนเหล็กทาบเข้ากับปากลูกโหวดจากนั้นหมุน
               โหวดรอบเป็นวงกลม ท าปากลูกโหวดเอียงเป็นมุมประมาณ 45 องศา เท่ากันทุกลูก

                                      2) ใช้คัตเตอร์กรีดรอบรูข้างในลูกโหวดให้บางเรียบและเอียงเข้าไปข้างในอีกชั้นหนึ่ง
                                    ขั้นที่  8 การขัดส่วนภายในรูลูกโหวด เหลาไม้ไผ่ให้เป็นแท่งขนาดที่สามารถแทงเข้าไปในรูลูก
               โหวดได้ ใช้กระดาษทรายขนาดละเอียดพันรอบปลายแท่งไม้ แล้วสอดเข้าออกพร้อมกับหมุนให้กระดาษทราย
               ขัดภายในลูกโหวด ท าให้ลูกโหวดบางขึ้นอีกทั้งเป็นการท าความสะอาดภายในลูกโหวด มีผลท าให้เสียงของ

               โหวดดีขึ้น
                                    ขั้นที่ 9  การอัดขี้สูดเข้ารูโหวด มีขั้นตอนดังนี้
                                    1) ปั้นขี้สูดเป็นก้อนแหลมคล้ายลูกปืน โดยคาดคะเนขนาดก้อนตามขนาดของรูลูกโหวด
               แต่ละลูก ถ้าลูกโหวดใหญ่ให้ปั้นก้อนใหญ่ แต่ถ้าลูกโหวดเล็กให้ปั้นก้อนเล็ก

                                      2)  น าไม้วัดระดับเสียง โดยท าขึ้นจนได้ระยะของระดับเสียงต่างๆ บนลูกโหวด ซึ่ง
               ก าหนดเป็นเครื่องหมายบนไม้แล้วน ามาสอดเข้าภายในรูลูกโหวดตามระยะของระดับเสียง
               จากไม้วัดระดับเสียงลูกโหวดข้างต้น สามารถวิเคราะห์เป็นตาราง ซึ่งไล่ระดับจากด้านล่างขึ้นด้านบนของไม้
                                      3) น าขี้สูดที่ปั้นแล้วใส่เข้าทางก้นลูกโหวด ใช้ไม้ไผ่อีกแท่งเข้าก้นรูลูกโหวดเพื่อดันขี้สูดให้

               อัดกันแน่น ท าในลักษณะเหมือนกับกับข้อข้างต้น จนครบทุกลูกตามระดับเสียงต่างๆ
                                ขั้นที่ 10 การท าหัวโหวด เมื่อติดลูกโหวดกับแกนโหวดเสร็จแล้ว น าขี้สูดในขั้นตอนข้างต้นมา
               ผสมกับขี้ชันเข้าอีกเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความแข็งของขี้สูดขึ้นอีก เนื่องจากขี้สูดในส่วนที่เป็นหัวโหวดต้องมีความ

               แข็ง แล้วน าขี้สูดมาแปะติดเข้ากับหัวโหวดเป็นรูปภูเขาที่มียอดป้านสูงขึ้นจากส่วนที่เป็นไม้ไผ่ประมาณ  2
               เซนติเมตร โดยให้ขี้สูดยื่นออกไปติดลูกโหวดประมาณ5 มิลลิเมตร จากนั้นใช้มือแตะน้ าหรือน้ าลายแล้วลูบให้
               ขี้สูดมีความเรียบ
                       ลักษณะของหัวโหวด มีดังนี้
                              1) หัวโหวดแบบครึ่งวงกลม เป็นการแต่งขี้สูดให้โค้งเป็นลักษณะรูปครึ่งวงวงกลมคว่ าหน้าลง

                              2) หัวโหวดแบบมุมป้าน เป็นการแต่งขี้สูดให้โค้งเป็นลักษณะคล้ายภูเขาที่มียอดทื่อ
                              3) หัวโหวดแบบมุมแหลม เป็นการแต่งขี้สูดให้โค้งเป็นลักษณะคล้ายภูเขาที่มียอดแหลม
                              4)  หัวโหวดแบบกึ่งมุมป้านกึ่งมุมแหลม เป็นการแต่งขี้สูดให้โค้งเป็นลักษณะคล้ายภูเขาที่มี

                       ยอดกึ่งมุมป้านกึ่งมุมแหลม
                       สรุปได้ว่าการท าหัวโหวดทั้ง 4 แบบขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เป่าโหวด เนื่องจากริมฝีปากของผู้
               เป่าโหวด มีลักษณะที่แตกต่างกัน ดังนั้นหัวโหวดแต่ละแบบจึงไม่สามารถก าหนดตายตัวได้
                              ขั้นที่  11 การติดถุงพลาสติกหัวโหวด น ามาครอบเข้ากับหัวโหวด โดยดึงให้ถุงพลาสติกมี

               ความตึงห้ามหย่อนโดยเด็ดขาด จากนั้นน ามีดตอกกรีดถุงพลาสติกในระดับเกือบถึงลูกโหวดอย่างเบาที่สุดเป็น
               รูปวงกลม ลอกถุงพลาสติกด้านข้างออกถุงพลาสติกที่ติดท าให้จุดที่หมุดโหวดรอบไต้ริมฝีปากเกิดความลื่นไหล

                              ขั้นที่  12 การตั้งระดับเสียงโหวดควบคู่กับการแต่งจมูกโหวด เมื่อได้หัวโหวดเป็นที่เรียบร้อย
               แล้ว ขั้นตอนต่อไปเป็นการตั้งระดับเสียงครั้งที่สองของโหวดแต่ละลูกกับจมูกโหวด เนื่องจากจมูกโหวดนั้นมีผล

               ต่อคุณภาพและระดับเสียงของโหวด ประการแรกใช้ไม้ไผ่ปลายแหลมขนาด 1.5 เซนติเมตร ดันขี้สูดให้ลึกเข้า
               ไปในลูกโหวด ทดลองเป่าโดยเอามือปิดลูกที่อยู่ถัดไป สังเกตเวลาเป่าว่าถูกระดับเสียงหรือไม่ โดยเช็คกับเครื่อง
               ตั้งระดับเสียงเสียง (Tuner)โดยมีหลักการคือ ถ้าขี้สูดยื่นออกไปหาท่อลูกโหวดน้อยเกินไป มีผลท าให้เป่าแล้ว

               เกิดการสั่นสะเทือนของท่อลูกโหวดน้อย เนื่องจากระดับลมของปากเข้าท่อในระดับน้อย มีผลท าให้เป่าดังยาก
               และมีเสียงทุ้ม ถ้าขี้สูดยื่นออกไปหาท่อลูกโหวดมากเกินไป มีผลท าให้การสั่นสะเทือนของท่อลูกโหวดมาก
   667   668   669   670   671   672   673   674   675   676   677