Page 680 - บทความแนวปฏิบัติที่ดี KM มทร.+2 ครั้งที่ 10
P. 680
674
1.2.2 การคัดเลือกผู้เรียน
การเรียนในสาขานาฏศิลป์ไทยจะต้องมีการคัดเลือกตัวผู้เรียนว่าคนไหนต้องเรียน
เป็นตัวพระ และคนไหนจะต้องเรียนเป็นตัวนาง โดยให้ผู้เรียนทั้งหมดยืนเข้าแถวหน้ากระดาน เรียง
ตามล าดับไหล่ จากนั้นครูผู้สอนจะพิจารณาจากสรีระของผู้เรียนโดยยึดแนวทางตามที่โบราณก าหนดไว้ดังนี้
ผู้ที่เรียนเป็นตัวพระ จะต้องมีความสูง 156 เซนติเมตรขึ้นไป ใบหน้ารูปไข่ หรือรูป
หน้ายาว หน้าผากต้องสวยเวลาสวมยอดหน้าผากจะต้องรับกับยอด คอระหง แขนขาและ ช่วงตัวจะต้อง
ยาวเมื่อแต่งกายยืนเครื่องจะดูสง่างาม
ผู้ที่เรียนเป็นตัวนาง จะต้องมีความสูง 150-156 เซนติเมตร ถ้าสูงมากจะท าให้นุ่ง
โจงกระเบนไม่สวย ใบหน้ากลมหรือรูปหัวใจ หน้าผากต้องกว้างเพื่อให้รับกับชฎา คางแหลม แขนกลม ช่วง
คอและช่วงตัวสั้น สะโพกผาย
ในกรณีที่ผู้เรียนที่มีลักษณะไม่ชัดเจนตามที่โบราณก าหนด จะต้องพิจารณาจาก
ปัจจัยอื่น ๆ เช่น พิจารณาจากรูปร่างพ่อแม่ของผู้เรียน ถ้าพ่อแม่รูปร่างสูงก็ให้เรียนเป็นตัวพระ ลักษณะของ
มือและเท้า ถ้ามือเท้าใหญ่ก็มีแนวโน้มเป็นไปได้ว่าในอนาคตผู้เรียนอาจจะมีสรีระที่สูงใหญ่ นอกจากนั้นต้อง
พิจารณาจากบุคลิกของผู้เรียน อาจจะสอบถามว่าชอบเล่นกีฬาประเภทไหน ถ้าผู้เรียนชอบเล่นกีฬาที่โลดโผน
ก็ควรจะให้เรียนเป็นตัวพระ หรือผู้เรียนที่ตัวเตี้ยแต่มีรูปหน้าเป็นตัวพระให้ดูบุคลิก ถ้ามีบุคลิกดูแล้วเข้มแข็ง
ควรให้เรียนเป็นตัวพระ แต่ถ้ามีบุคลิกนุ่มนวลควรให้เรียนเป็น ตัวนาง
ส าหรับผู้เรียนที่มีสรีระไม่ชัดเจนครูผู้สอนควรแนะน าให้ผู้เรียนเปลี่ยนจากตัวพระ
เป็นตัวนาง หรือเปลี่ยนจากตัวนางเป็นตัวพระ โดยให้เหตุผลเช่น ถ้าเป็นตัวนางแต่ตัวสูงจะหาตัวพระที่มาร า
คู่ได้ยาก หรือเป็นตัวพระแต่ตัวเตี้ยก็หาคู่ได้ยากเช่นเดียวกัน แต่ถ้าผู้เรียนไม่ประสงค์ที่จะเปลี่ยน เมื่อถึงเวลา
แสดงครูผู้สอนต้องหาบทบาทหรือให้เป็นตัวแสดงที่เหมาะสม เช่น ตัวพระที่มีรูปร่างเล็กก็ให้แสดงเป็นสิน
สมุทร กวางทอง หรือพลายชุมพล เป็นต้น ถ้าผู้เรียนที่เป็นตัวนางแต่รูปร่างใหญ่ก็จะต้องให้รับบทบาทที่
เป็นตัวนางที่เป็นตัวนางใหญ่
1.2.3 วิธีการแต่งกายในการฝึกปฏิบัติ
การแต่งกายในการฝึกปฏิบัตินาฏศิลป์ไทย เป็นการแต่งกายที่สืบทอดมาจากวังสวน
กุหลาบ ผู้เรียนจะต้องนุ่งโจงกระเบนสีแดงเพื่อความสะดวกในการปฏิบัติท่าร า และสืบทอดการแต่งกายที่มี
มาแต่โบราณ ดังนั้นก่อนที่ครูจะสอนให้ผู้เรียนนุ่งโจงกระเบนจะต้องอธิบายถึงความส าคัญและเหตุผลในการที่
ต้องนุ่งโจงกระเบนเสียก่อน และการนุ่งโจงกระเบนมีเทคนิคดังนี้
การนุ่งโจงกระเบนอาจให้ผู้เรียนฝึกนุ่งด้วยตัวเองหรือจับคู่แล้วช่วยกันนุ่งนั้นขึ้นอยู่
กับวัตถุประสงค์ของครูผู้สอน ซึ่งมีประโยชน์แตกต่างกัน การให้ผู้เรียนนุ่งโจงกระเบนด้วยตัวเองจะท าให้นุ่งได้
เหมาะกับสรีระของตนเอง ไม่ต้องนั่งรอเพื่อนมาคอยนุ่งให้ ส าหรับการให้นักเรียนจับคู่นุงโจงกระเบนจะเป็น
การฝึกให้ผู้เรียนรู้จักช่วยเหลือกัน โดยครูสาธิตและบอกขั้นตอนในการนุ่ง จากนั้นให้ผู้เรียนฝึกหัดนุ่งด้วย
ตนเอง ครูต้องคอยดูวิธีการนุ่งของผู้เรียนให้ถูกต้อง
ขั้นตอนการนุ่งโจงกระเบน เริ่มต้นด้วยจับปลายผ้าสองข้างให้เท่ากัน ผู้เรียนต้อง
ขยับร่างกายของตนเองให้อยู่กึ่งกลางของผ้า ใช้มือขยุ้มจับผ้าบริเวณชายผกทั้งสองข้างขึ้นมาหนึ่งฝ่ามือ แล้ว
มัดปลายผ้าโดยใช้วิธีการมัดแบบเงื่อนตาย จากนั้นให้พับขอบผ้าด้านบนลงมาประมาณ 1 ฝ่ามือ โดยพับด้าน
ที่ตนถนัดแล้วม้วนผ้าลงจนถึงกึ่งหนึ่งของผ้า จากนั้นพับทบให้สุดปลายผ้าก่อนจะสอดลงที่ระหว่างขาแล้วดึง
หางโจงขึ้นไปที่ด้านหลังให้กระชับเหมาะกับสรีระของตนเอง การกระชับท าโดย ให้ผู้เรียนแบะขาแล้วดึงหาง
โจงกระเบนขึ้น ขยับหางโจงเพื่อให้สามารถยืดหยุ่นได้ ต้องไม่ตึงเกินไปไม่หย่อนเกินไป หลังจากนั้นก็คือต้อง