Page 681 - บทความแนวปฏิบัติที่ดี KM มทร.+2 ครั้งที่ 10
P. 681
675
เก็บหางโจงกระเบน การเก็บหางโจงกระเบนต้องขึ้นอยู่ที่ความความยาวของผ้า ซึ่งท าโดยการพันหางโจง
กระเบนรอบเข็มขัดหนึ่งครั้ง แล้วก็น าหางโจงกระเบนที่เหลือตวัดมาด้านหน้า เหน็บกับเข็มขัด แต่ถ้าผ้ายาวให้
นักเรียนน าหางโจงกระเบนพันรอบเข็มขัดสัก 2 รอบ แล้วจึงน ามาพันรอบเอว เหน็บปลายกับเข็มขัดอีกครั้ง
หนึ่ง การน าปลายโจงกระเบนมาพันรอบเอวจะมีปัญหาผ้าแดงจะค้ าเอว ท าให้นั่งไม่ถนัด
ในการนุ่งโจงกระเบนจะมีปัญหานักเรียนตัวเล็กแต่ผ้าผืนใหญ่ ครูต้องหาวิธีแก้ไข
เช่น ใช้วิธีการพับชายผ้า หรือถ้ากรณีผู้เรียนตัวเล็กให้ใช้วิธีตัดผ้าให้ผืนเล็กเหมาะกับสรีระ
การนุ่งโจงกระเบนมีทั้งการนุ่งแบบม้วนหางกระเบน และแบบพับหางกระเบน แต่
วิธีการม้วนจะท าให้เจ็บก้นเวลานั่ง การนุ่งโจงกระเบนไม่ควรนุ่งยาวจนเกินไป ต้องนุ่งให้คลุมหัวเข่า แต่ต้อง
ไม่เกินหน้าแข้ง การนุ่งผ้าของตัวพระจะต้องให้มีความยืดหยุ่นสูงเพราะเวลาร าต้องกันเข่า และเมื่อโจง
กระเบนหลวมขณะฝึกซ้อม ผู้เรียนควรนุ่งผ้าโจงเสียใหม่ เพราะโจงกระเบนอาจหลุดได้ และท าให้ผู้เรียนขาด
ความมั่นใจในการร า
ส าหรับการนุ่งผ้าโจงกระเบนที่ไม่ท าให้ผ้าติดขาก็คือ จะต้องม้วนหางโจงกระเบนแต่
จะไม่ม้วนไปจนสุดปลายผ้าจะเหลือช่วงล่างไว้พอประมาณ แล้วตวัดไปด้านหลัง ก่อนจะคาดเข็มขัดจะใช้
วิธีการยกผ้าบริเวณที่ผูกปมขึ้นแล้วจึงรัดเข็มขัดทับ
1.2.4 การนั่ง การกราบ การยืน การไหว้
การนั่ง การกราบ การยืน การไหว้ เป็นท่าที่ใช้ส าหรับท าความเคารพทั้งต้นต้น
ชั่วโมง หมดชั่วโมง และก่อนการสั่งให้ไปพัก ซึ่งมีวิธีการดังนี้
กำรนั่ง
การนั่ง เป็นการฝึกเพื่อแยกบุคลิกภาพของผู้เรียนเพราะการนั่งของตัวพระและตัวนางจะมี
ลักษณะการนั่งที่แตกต่างกัน การนั่งของตัวนางจะต้องพับเพียบไปทางด้านขวา โดยใช้ขาขวาทับลงบนขาซ้าย
การนั่งของตัวนาง เท้าจะต้องเรียงคือต้องให้เท้าที่ปัดมาด้านข้างนั้นเรียงกันสองข้างแล้วดันปลายเท้ามา
ข้างหน้า มือวางที่หน้าขาขวา ส าหรับการนั่งของตัวพระจะต้องกันเข่าออก วางมือยาวข้างหนึ่ง สั้นข้างหนึ่ง
ต่างจากตัวนางซึ่งจะวางมือที่หน้าขาขวาอย่างเดียว และตัวนางจะต้องนั่งทางด้านขวาของตัวพระเสมอ
การนั่ง เป็นการฝึกการทรงตัวอย่างหนึ่งเวลานั่งต้องดันหลัง ดันเอว ซึ่งการนั่งจะให้ท่าสวย
และสง่างามนั้นอกจะต้องตั้ง หลังจะต้องตึง และหน้าต้องเชิด การนั่ง อกกับหลังจะสัมพันธ์กัน ถ้าดันอก
หลังก็จะตึงไปด้วย ไหล่จะต้องตั้งฉากกับพื้น โดยเกรงกล้ามเนื้อช่วงก้น และต้องทรงตัวไม่ให้โน้มไปข้างหน้า
ถ้าผู้เรียนทิ้งน้ าหนักตัวไปข้างหน้ามากจนเกินไปจะท าให้ตัวโน้มไปข้างหน้า แต่ถ้าผู้เรียนทิ้งน้ าหนักไปข้างหลัง
มากจนเกินไป ตัวก็จะเอนไปด้านหลัง ท าให้ดูไม่สง่างาม ส่วนหน้าเชิดนั้นหมายถึงการเปิดปลายคาง
กำรกรำบ การกราบจะเป็นท่าต่อเนื่องจากการนั่ง การกราบผู้เรียนจะต้องนั่งในท่าพระ-นาง
เวลากราบจะต้องหลบเข่าเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เข่านั้นค้ าหน้าท้องท าให้ก้มกราบไม่สะดวกและท าให้ทิศทางการ
กราบไม่ตรงตามเป้าหมาย การกราบต้องการทอดแขนและล าตัว ส่วนใหญ่จะทอดแขนซ้ายแล้วตามด้วย
แขนขวา นอกจากนั้นการกราบจะต้องดูที่ความเหมาะสมความสั้นยาวของร่างกายของแต่ละคน ครูจึงต้อง
คอยจัดท่าให้ผู้เรียนโดยดูให้เหมาะสมกับสรีระของผู้เรียน และต้องแนะน าเรื่องการถ่ายน้ าหนักอีกด้วย
กำรยืน การยืนของตัวนางใช้วิธีการเหลื่อมเท้าหรือประสมเท้า คือส้นเท้าหน้าจะต้องอยู่
กึ่งกลางของเท้าหลัง มือข้างหนึ่งจีบวางที่หัวเข็มขัด ข้างหนึ่งทาบไว้ที่น่าขา จะใช้มือข้างไหนเป็นมือจีบก็ได้
แต่ว่ามือกับเท้าจะต้องสัมพันธ์กัน มือที่ทาบไว้ที่หน้าขาจะต้องเป็นมือข้างเดียวกันกับเท้าที่อยู่ข้างหน้า
การยืนก็ยังต้องใช้ความสมดุลของร่างกาย ต้องตึงเอว ตึงไหล่และต้องใช้วิธีการเอียงเข้าช่วย
การกดเอว (กดเกลียวข้าง)